ค้นหาข้อสอบ ในเว็บไซต์แห่งนี้

Wednesday, July 20, 2011

เก็งข้อสอบวิชาชีพครู

เก็งข้อสอบวิชาชีพครู

1. ผู้ริเริ่มแนวคิดเกี่ยวกับสมรรถนะที่นำมาสู่การปฏิบัติที่ได้รับการยอมรับมากที่สุด
ก. Fayol ข. Max Weber
ค. McClelland ง. Simon

2. Competency แบ่งออกเป็นกี่ประเภท

ก. 2 ประเภท ข. 3 ประเภท

ค. 4 ประเภท ง. 5 ประเภท

3. ก.ค.ศ. กำหนดสมรรถนะหลักของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาไว้กี่สมรรถนะ

ก. 4 สมรรถนะ ข. 5 สมรรถนะ

ค. 6 สมรรถนะ ง. 7 สมรรถนะ

4. สพฐ. กำหนดสมรรถนะหลักของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาไว้กี่สมรรถนะ

ก. 4 สมรรถนะ ข. 5 สมรรถนะ

ค. 6 สมรรถนะ ง. 7 สมรรถนะ

5. ข้อใดไม่ใช่สมรรถนะหลักตามที่ ก.ค.ศ.กำหนด

ก. การมีวิสัยทัศน์ ข. การบริการที่ดี

ค. การพัฒนาตนเอง ง. การทำงานเป็นทีม

6. ความมุ่งมั่นในการปฏิบัติงานในหน้าที่ให้มีคุณภาพ สอดคล้องกับสมรรถนะใด

ก. การมีวิสัยทัศน์ ข. การบริการที่ดี

ค. การพัฒนาตนเอง ง. การมุ่งผลสัมฤทธิ์

7. ความตั้งใจในการปรับปรุงระบบบริการให้มีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับข้อใด

ก. การทำงานเป็นทีม ข. การบริการที่ดี

ค. การพัฒนาตนเอง ง. การมุ่งผลสัมฤทธิ์

8. การศึกษาค้นคว้า หาความรู้ ติดตามองค์ความรู้และเทคโนโลยีใหม่ ๆ ในวงวิชาการ

เพื่อพัฒนาตนเองและพัฒนางาน หมายถึงสมรรถนะใด

ก. การทำงานเป็นทีม ข. การบริการที่ดี

ค. การพัฒนาตนเอง ง. การมุ่งผลสัมฤทธิ์

9. ใครเป็นผู้กำหนดสาระความรู้และสมรรถนะของผู้ประกอบวิชาชีพครู

ก. คุรุสภา ข. คณะกรรมการคุรุสภา

ค. คณะกรรมการมาตรฐานวิชาชีพ ง. คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน

10. สมรรถนะครู สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กำหนดไว้ตามข้อใด

ก. สมรรถนะหลัก 6 ข. สมรรถนะประจำสายงาน 5

ค. สมรรถนะหลัก 6 ประจำสายงาน 5 ง. สมรรถนะหลัก 5 ประจำสายงาน 6

11. ข้อใดไม่ใช่สมรรถนะหลักของครู ที่ สพฐ.กำหนด

ก. การบริการที่ดี ข. การทำงานเป็นทีม

ค. การพัฒนาตนเอง ง. ภาวะผู้นำครู

12. ข้อใดไม่ใช่สมรรถนะหลักของครู สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน

ก. การพัฒนาผู้เรียน ข. การทำงานเป็นทีม

ค. การบริการที่ดี ง. การพัฒนาตนเอง

13. ข้อใดไม่ใช่สมรรถนะประจำสายงานของครู สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน

ก. ภาวะผู้นำครู ข. การบริหารจัดการชั้นเรียน

ค. การบริหารหลักสูตรและการจัดการเรียนรู้ ง. จริยธรรม และจรรยาบรรณวิชาชีพครู

14. การมุ่งผลสัมฤทธิ์ในการปฏิบัติงาน เป็นสมรรถนะของครู ตามข้อใด

ก. Core competency ข. Jop competency

ค. Organization competency ง. Functional Competency

15. จัดบรรยากาศที่ส่งเสริมการเรียนรู้ความสุขและความปลอดภัยของผู้เรียน

เป็นตัวบ่งชี้สมรรถนะของครูตามข้อใด

ก. การพัฒนาผู้เรียน ข. การบริหารจัดการชั้นเรียน

ค. การมุ่งผลสัมฤทธิ์ในการปฏิบัติงาน ง. การบริหารหลักสูตรและการจัดการเรียนรู้

16. การจัดการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน เป็นตัวบ่งชี้ของสมรรถนะของครู ตามข้อใด

ก. การพัฒนาผู้เรียน ข. การบริหารจัดการชั้นเรียน

ค. การมุ่งผลสัมฤทธิ์ในการปฏิบัติงาน ง. การวิเคราะห์ สังเคราะห์ และการวิจัย

17. การแสดงบทบาทผู้นำหรือผู้ตาม เป็นตัวบงชี้ของสมรรถนะของครู ตามข้อใด

ก. ภาวะผู้นำครู ข. การทำงานเป็นทีม

ค. การมุ่งผลสัมฤทธิ์ในการปฏิบัติงาน ง. จริยธรรม และจรรยาบรรณวิชาชีพครู

18. การแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และสร้างเครือข่ายเป็นตัวบ่งชี้ของสมรรถนะของครู ตามข้อใด

ก. การพัฒนาตนเอง ข. การทำงานเป็นทีม

ค. ภาวะผู้นำครู ง. การมุ่งผลสัมฤทธิ์ในการปฏิบัติงาน

19. มีภาวะผู้นำ เป็นสมรรถนะวิชาชีพครูตามมาตรฐานที่คณะกรรมการคุรุสภากำหนดตามข้อใด

ก. ความเป็นครู ข. การจัดการเรียนรู้

ค. จิตวิทยาสำหรับครู ง. การบริหารจัดการในห้องเรียน

20. ข้อใดคือสมรรถนะภาษาและเทคโนโลยีสำหรับครู ตามที่คณะกรรมการคุรุสภากำหนด

ก. สามารถใช้คอมพิวเตอร์เบื้องต้น ข. สามารถใช้คอมพิวเตอร์ขั้นพื้นฐาน

ค. สามารถใช้คอมพิวเตอร์ขั้นสูง ง. สามารถใช้เทคโนโลยีขั้นพื้นฐานได้

21. ข้อใดคือสมรรถนะในการพัฒนาหลักสูตร ของผู้ประกอบวิชาชีพครู

ก. ความสามารถวิเคราะห์หลักสูตร ข. ความสามารถจัดทำหลักสูตร

ค. สามารถประเมินหลักสูตรได้ ง. ถูกทุกข้อ

22. การมีวิสัยทัศน์ อยู่ในสมรรถนะวิชาชีพในข้อใด

ก. ความเป็นครู ข. การจัดการเรียนรู้

ค. การบริหารจัดการในห้องเรียน ง. ถูกทุกข้อ

23. ใครเป็นผู้กำหนดสมรรถนะของผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา

ก. คุรุสภา ข. คณะกรรมการคุรุสภา

ค. ก.ค.ศ. ง. สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน

24. การพัฒนาสมรรถนะครู ตามโครงการยกระดับคุณภาพครูทั้งระบบ ภายใต้แผนปฏิบัติการ

ไทยเข้มแข็ง ใช้การพัฒนาด้วยระบบใด

ก. e-filling ข. e-leranning

ค. e-training ง. e-Competency

25. การแสดงบทบาทผู้นำหรือผู้ตาม เป็นตัวบ่งชี้สมรรถนะใดของครูที่ สพฐ.กำหนด

ก. พัฒนาตนเอง ข. ทำงานเป็นทีม

ค. จริยธรรม และจรรยาบรรณวิชาชีพครู ง. การมุ่งผลสัมฤทธิ์ในการปฏิบัติงาน

26. ความรักและศรัทธาในวิชาชีพเป็นตัวบ่งชี้ตามสมรรถนะใดที่ สพฐ.กำหนด

ก. พัฒนาตนเอง ข. ทำงานเป็นทีม

ค. จริยธรรม และจรรยาบรรณวิชาชีพครู ง. การมุ่งผลสัมฤทธิ์ในการปฏิบัติงาน

27. การมีวินัยและความรับผิดชอบในวิชาชีพ เป็นตัวบ่งชี้ตามสมรรถนะใดที่ สพฐ.กำหนด

ก. พัฒนาตนเอง ข. ทำงานเป็นทีม

ค. จริยธรรม และจรรยาบรรณวิชาชีพครู ง. การมุ่งผลสัมฤทธิ์ในการปฏิบัติงาน

28. การดำรงชีพอย่างเหมาะสม เป็นตัวบ่งชี้ตามสมรรถนะใดที่ สพฐ.กำหนด

ก. พัฒนาตนเอง ข. ทำงานเป็นทีม

ค. จริยธรรม และจรรยาบรรณวิชาชีพครู ง. การมุ่งผลสัมฤทธิ์ในการปฏิบัติงาน

29. การประพฤติปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างที่ดี เป็นตัวบ่งชี้ตามสมรรถนะใดที่ สพฐ.กำหนด

ก. พัฒนาตนเอง ข. ทำงานเป็นทีม

ค. จริยธรรม และจรรยาบรรณวิชาชีพครู ง. การมุ่งผลสัมฤทธิ์ในการปฏิบัติงาน

30. ความรู้ ความสามารถในการออกแบบการเรียนรู้ เป็นตัวบ่งชี้ตามสมรรถนะใดที่ สพฐ.กำหนด

ก. การพัฒนาผู้เรียน

ข. การบริหารจัดการชั้นเรียน

ค. การบริหารหลักสูตรและการจัดการเรียนรู้

ง. การสร้างความสัมพันธ์และความร่วมมือกับชุมชนเพื่อการจัดการเรียนรู้

31. การจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ เป็นตัวบ่งชี้ตามสมรรถนะใด

ก. การพัฒนาผู้เรียน

ข. การบริหารจัดการชั้นเรียน

ค. การบริหารหลักสูตรและการจัดการเรียนรู้

ง. การสร้างความสัมพันธ์และความร่วมมือกับชุมชนเพื่อการจัดการเรียนรู้

32. การใช้และการพัฒนาสื่อนวัตกรรมเทคโนโลยีเพื่อการจัดการเรียนรู้เป็นตัวบ่งชี้ตามสมรรถนะใด

ก. การพัฒนาผู้เรียน ข. การบริหารจัดการชั้นเรียน

ค. การบริหารหลักสูตรและการจัดการเรียนรู้ ง. การสร้างความสัมพันธ์และความร่วมมือกับชุมชน

33. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ เป็นตัวบ่งชี้ตามสมรรถนะใด

ก. การพัฒนาผู้เรียน

ข. การบริหารจัดการชั้นเรียน

ค. การบริหารหลักสูตรและการจัดการเรียนรู้
ง. การสร้างความสัมพันธ์และความร่วมมือกับชุมชนเพื่อการจัดการเรียนรู้

34. การปลูกฝังความเป็นประชาธิปไตย ความภูมิใจให้แก่ผู้เรียน เป็นตัวบ่งชี้ตามสมรรถนะใด

ก. การพัฒนาผู้เรียน

ข. การบริหารจัดการชั้นเรียน

ค. การบริหารหลักสูตรและการจัดการเรียนรู้

ง. การสร้างความสัมพันธ์และความร่วมมือกับชุมชนเพื่อการจัดการเรียนรู้

35. จัดทำข้อมูลสารสนเทศ และเอกสารประจำชั้นเรียน ประจำวิชา เป็นตัวบงชี้ตามสมรรถนะใด

ก. การพัฒนาผู้เรียน

ข. การบริหารจัดการชั้นเรียน

ค. การบริหารหลักสูตรและการจัดการเรียนรู้

ง. การสร้างความสัมพันธ์และความร่วมมือกับชุมชนเพื่อการจัดการเรียนรู้

36. วุฒิภาวะความเป็นผู้ใหญ่ที่เหมาะสมกับความเป็นครู เป็นตัวบ่งชี้ตามสมรรถนะใด

ก. ภาวะผู้นำครู

ข. การบริหารจัดการชั้นเรียน

ค. การบริหารหลักสูตรและการจัดการเรียนรู้

ง. การสร้างความสัมพันธ์และความร่วมมือกับชุมชนเพื่อการจัดการเรียนรู้

37. การเป็นบุคคลแห่งการเปลี่ยนแปลง เป็นตัวบ่งชี้ตามสมรรถนะใด

ก. ภาวะผู้นำครู

ข. การบริหารจัดการชั้นเรียน

ค. การบริหารหลักสูตรและการจัดการเรียนรู้

ง. การสร้างความสัมพันธ์และความร่วมมือกับชุมชนเพื่อการจัดการเรียนรู้

38. สมรรถนะหลักของครู สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ประกอบด้วย
กี่สมรรถนะ

ก. 3 สมรรถนะ ข. 4 สมรรถนะ

ค. 5 สมรรถนะ ง. 6 สมรรถนะ

39. สมรรถนะประจำสายงานของครู สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ประกอบด้วยกี่สมรรถนะ

ก. 3 สมรรถนะ ข. 4 สมรรถนะ

ค. 5 สมรรถนะ ง. 6 สมรรถนะ

40. ข้อใดไม่ใช่สมรรถนะหลักของครู ไม่ใช่สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน

ก. การพัฒนาผู้เรียน ข. การทำงานเป็นทีม

ค. การบริการที่ดี ง. การพัฒนาตนเอง

41. ข้อใดไม่ใช่สมรรถนะประจำสายงานของครู สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน

ก. ภาวะผู้นำครู ข. การบริหารจัดการชั้นเรียน

ค. การบริหารหลักสูตรและการจัดการเรียนรู้ ง. จริยธรรม และจรรยาบรรณวิชาชีพครู

42. การมุ่งผลสัมฤทธิ์ในการปฏิบัติงานเป็นสมรรถนะของครู สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการ

ศึกษาขั้นพื้นฐาน ตามข้อใด

ก. Core competency ข. Jop competency

ค. Organization competency ง. Functional Competency

43. จัดบรรยากาศที่ส่งเสริมการเรียนรู้ความสุขและความปลอดภัยของผู้เรียน เป็นตัวบ่งชี้ของ
สมรรถนะวิชาชีพครู ตามข้อใด

ก. การพัฒนาผู้เรียน ข. การบริหารจัดการชั้นเรียน

ค. การมุ่งผลสัมฤทธิ์ในการปฏิบัติงาน ง. การบริหารหลักสูตรและการจัดการเรียนรู้

44. การจัดการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน เป็นตัวบ่งชี้ของสมรรถนะวิชาชีพครู ตามข้อใด

ก. การพัฒนาผู้เรียน

ข. การบริหารจัดการชั้นเรียน

ค. การมุ่งผลสัมฤทธิ์ในการปฏิบัติงาน

ง. การวิเคราะห์ สังเคราะห์ และการวิจัยเพื่อการพัฒนาผู้เรียน

45. การแสดงบทบาทผู้นำหรือผู้ตาม เป็นตัวบงชี้ของสมรรถนะวิชาชีพครู ตามข้อใด

ข. การทำงานเป็นทีม


.

.
╰╮〥----〥╭╯HBD
╭╯╰----╯╰╮
~~~~~~~~ 
◢██◣◢~~~ 
◥██◤◥~~~  
~~◢██◣◢    
~~◥██◤◥
╰═========

.

.Happy Birthday


╭═════╮
★★★★★ \         
★★★★★★╰╡      /  
★★★★★ ★★★★★   
★★★★★★╭╡ ★★★      
★★★★★    ★★★  /
╰═════╯    ★★★
~°☆∵*~°☆∵*~°☆∵*
ข้อสอบวิชาชีพครู ชุดที่ 2

1.ข้อใดคือความหมายของวินัย
ก. กฎเกณฑ์ข้อบังคับที่คนในองค์กรเดียวกันต้องปฏิบัติตาม
ข. การควบคุมความประพฤติของคนในองค์การของตนเอง
ค. ข้อบัญญัติที่กำหนดขึ้นไว้เป็นข้อปฏิบัติร่วมกันของคนในองค์กร
ง. ถูกทุกข้อ
2. ข้อใดคือความหมายของวินัยข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาที่ถูกต้องที่สุด
ก.ข้อบัญญัติที่กำหนดไว้ให้เป็นข้อห้าม
ข. ข้อบัญญัติที่กำหนดขึ้นไว้เป็นข้อที่ให้ปฏิบัติ
ค.ข้อบัญญัติที่กำหนดขึ้นไว้เป็นข้อห้ามและข้อปฏิบัติ
ง.ข้อบัญญัติที่กำหนดขึ้นไว้ให้ทุกคนในองค์การปฏิบัติ
3. วินัยข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษากล่าวไว้ในกฎหมายใด
ก.พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ
ข.พระราชบัญญัติสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา
ค.พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ
ง.พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
4. วินัยข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษากล่าวไว้ในหมวดใดของกฎหมาย
ก. หมวด 4 ข. หมวด 5
ค. หมวด 6 ง. หมวด 7
5. โทษทางวินัยมีกี่สถา
ก. 4 สถาน ข. 5 สถาน
ค. 6 สถาน ง. 7 สถาน
7. ข้อใดถือเป็นโทษทางวินัย
ก. การว่ากล่าวตักเตือน ข. การให้ทำทัณฑ์บน
ค. การที่ผู้บริหารว่ากล่าวตักเตือนด้วยวาจา ง. การภาคทัณฑ์
8. ข้อใดเป็นความผิดวินัยร้ายแรง
ก. กระทำการอันได้ชื่อว่าเป็นการประพฤติชั่ว
ข. ล่วงละเมิดทางเพศต่อผู้เรียนที่ไม่อยู่ในความรับผิดชอบ
ค. ละทิ้งหรือทอดทิ้งหน้าที่ราชการเป็นเหตุให้ราชการเสียหาย
ง. ยอมให้ผู้อื่นหาผลประโยชน์ทำให้เสื่อมเสียความเที่ยงธรรมในหน้าที่
9. ข้อใดกล่าวถึงวินัยของข้าราชการไม่ถูกต้อง
ก. วินัยข้าราชการไม่มีอายุความ ข. ไม่สามารถยอมความกันได้
ค. ไม่สามารถชดใช้ด้วยเงินแทนได้ ง. หากออกจากราชการไปแล้วให้งดการสอบสวน
10. การลงโทษตามข้อใดที่ผู้บังคับบัญชาสามารถให้เลื่อนขั้นเงินเดือนได้
ก.ว่ากล่าวตักเตือน ข. ภาคทัณฑ์
ค. ตัดเงินเงินเดือน ง. ลดขั้นเงินเดือน
11. ข้อใดใช้ในการลงโทษในความผิดที่ไม่ถึงกับความผิดร้ายแรงและไม่ใช่กรณีความผิดเล็กน้อย
ก. ภาคทัณฑ์ ข. ตัดเงินเดือน
ค. ลดขั้นเงินเดือน ง. ถูกเฉพาะข้อ และ ค
12. ข้อใดไม่ใช่การลงโทษทางวินัย
ก. ภาคทัณฑ์ ข. ตัดเงินเดือน
ค. ลดขั้นเงินเดือน ง. การให้ออกจากราชการ
13. การกระทำข้อใดที่เป็นความผิดวินัยไม่ร้ายแรง
ก. ทุจริตต่อหน้าที่ราชการ
ข. ประมาทเลินเล่อทำให้ราชการเสียหายอย่างร้ายแรง
ค. ละทิ้งหน้าที่ราชการติดต่อในคราวเดียวกัน 15 วัน โดยไม่มีเหตุผลอันสมควร
ง. ทุจริตต่อหน้าที่ราชการ แต่ภายหลังได้นำเงินมาคืนให้ทางราชการพร้อมกับดอกเบี้ย
14. ข้อใดเป็นความผิดปรากฏชัดแจ้ง
ก. ทุจริตต่อหน้าที่ราชการ ข. เมาสุราในขณะปฏิบัติราชการ
ค. ละทิ้งหน้าที่ราชการเป็นเวลานาน ง. ศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก

15. คำสั่งจากผู้บังคับบัญชาเห็นว่าการปฏิบัติตามคำสั่งนั้นจะทำให้ เกิดความเสียหายแก่ราชการ
ต้องเสนอเป็นหนังสือเพื่อให้ผู้บังคับบัญชาทบทวนคำสั่งภายในระยะเวลาตามข้อใด
ก. ภายใน 5 วัน ข. ภายใน 7 วัน
ค. ภายใน 15 วัน ง. ภายใน 30 วัน
16. การกระทำของข้าราชการครูในข้อใดเป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรง
ก. เล่นการพนันเป็นอาจิณ
ข. กระทำการอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่ว
ค. กลั่นแกล้งกล่าวหาหรือร้องเรียนผู้อื่นโดยปราศจากความเป็นจริงทำให้ผู้อื่นเสียหาย
ง. ผู้บริหารมีพฤติกรรมปกป้อง ช่วยเหลือมิให้ผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาถูกลงโทษทางวินัย
17. ขั้นตอนแรกของการดำเนินการทางวินัยของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาคือข้อใด
ก. การแจ้งข้อกล่าวหา ข. การตั้งเรื่องกล่าวหา
ค. การสอบสวนข้อเท็จจริง ง. การลงโทษทางวินัย
18. ใครเป็นผู้สั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนกรณีข้าราชการครูที่มีวิทยฐานะชำนาญการพิเศษ ในโรงเรียนถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัยไม่ร้ายแรง
ก. ผู้อำนวยการโรงเรียน ข. ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่
ค. ประธาน อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษา ง. ประธานคณะกรรมการเขตพื้นที่การศึกษา
19. การกระทำผิดวินัยร้ายแรงข้อใดเป็นความผิดปรากฏชัดแจ้ง
ก. กระทำความผิดอาญาจนได้รับคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุกหรือหนักกว่าจำคุก
ข.ละทิ้งหน้าที่ราชการติดต่อในคราวเดียวกันเกินกว่า15 วันโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร
ค.ได้รับสารภาพเป็นหนังสือต่อผู้บังคับบัญชาหรือผู้มีหน้าที่สืบสวนหรือคณะกรรมการสอบสวน
ง.ถูกต้องทุกข้อ
20. คณะกรรมการสอบสวนทางวินัยข้าราชการครูต้องมีจำนวนเท่าใด
ก. จำนวน 3 คน ข. จำนวนอย่างน้อย 3 คน
ค. จำนวนไม่เกิน 3 คน ง. จำนวนอย่างน้อย 5 คน

1. เจตคติ(Atttitude)หมายถึงข้อใด?
ก. การรับรู้พฤติกรรมในการสื่อสาร
ข.การสร้างมนุษย์สัมพันธ์ในการแสดงออก
ค. ความรู้สึกของบุคคลทั้งทางบวกและทางลบ ที่มีต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่ง
ง. การสร้างสถานการณ์ แสดงออกให้บุคคลยอมรับ
ตอบ ค. ความรู้สึกของบุคคลทั้งทางบวกและทางลบ ที่มีต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่ง

2.
ข้อใดกล่าวถูกต้อง?
ก. เจตคติเปลี่ยนแปลงไม่ได้
ข.เจตคติเกิดจากความรู้สึกของบุคคลเฉพาะทางบวกเท่านั้น
ค. เจตคติเริ่มเกิดขึ้นครั้งแรกกับวัยรุ่น
ง. ไม่มีข้อถูก
ตอบ ง. ไม่มีถูกข้อถูก

3.
เจตคติเกิดได้ ต้องมีองค์ประกอบ 3 ประการคือ?
ก.ด้านความคิด ด้านความรู้สึก ด้านพฤติกรรม
ข. ด้านความคิด ด้านความรู้สึก ด้านพันธุกรรม
ค. ด้านพันธุกรรม ด้านพฤติกรรม ด้านความรู้สึก
ง. ไม่มีข้อใดถูก
ตอบ ก. ด้านความคิด ด้านความรู้สึก ด้านพฤติกรรม

4.
ข้อใดเป็นเจตคติจากการเลียนแบบ?
ก. ประสบการณ์ความรู้สึก ข. อารมณ์และสิ่งแวดล้อม
ค. เอาแบบอย่างจากพ่อแม่ ง. การรับรู้และสิ่งเร้า
ตอบ ค. เอาแบบอย่างจากพ่อแม่
5.
ข้อใดกล่าวไม่ถูกต้อง?
ก. เจตคติเกิดจากการเรียนรู้ ข. เจตคติเป็นสิ่งที่ซับซ้อน
ค. เจตคติเกิดจากการเลียนแบบ ง. ไม่มีคำตอบ
ตอบ ง. ไม่มีคำตอบ

6.
จากคำกล่าวที่ส่าเจตคติเป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงได้อะไรคือสาเหตุที่ทำให้เจตคติของบุคคลเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว
ที่สุด
ก.พฤติกรรม ข. ความรู้สึก
ค.ความคิด ง.ไม่มีข้อถูก
ตอบ ค. ความคิด

7.
วิธีการที่ใช้วัดเจตคติของผู้เรียนที่เหมาะที่สุดคือข้อใด?
ก. การสอบถาม ข. การสังเกต
ค. การตรวจผลงาน ง. ไม่มีข้อใดถูก
ตอบ ก. การสอบถาม

8.
เจตคติ คือ ความพร้อม โน้มเอียง ที่แสดงออกว่าชอบไม่ชอบเป็นคำกล่าวของใคร?
ก. Hilgacd ข. .Anastasi
ค. Frederic ง. Good
ตอบ ข. Anastasi

9.
ประสบการณ์ที่ทำไห้พฤติกรรมเปลี่ยนเรียกว่าอะไร?
ก. การระลึกได้ ข. การทดสอบ
ค. การสอน ง. การเรียนรู้
ตอบ ง. การเรียนรู้

10.
ข้อใดหมายถึง เจตคติจากประสบการณ์รุนแรง?
ก. กฎระเบียบของโรงเรียน
ข.แม่ดุลูกที่ไม่ตั้งใจเรียน
ค. เขียวเล่นคอมพิวเตอร์
ง. แดงกินอาหารชนิดหนึ่ง และเกิดอาการแพ้อาหารอย่างรุนแรง
ตอบ ง. แดงกินอาหารชนิดหนึ่ง และเกิดอาการแพ้อาหารอย่างรุนแรง

11.
ข้อใดมีอิทธิพล ต่อการเกิดเจตคติ ต่อเด็กมากที่สุด?
ก.อิทธิพลจากสื่อมวลชน ข. อิทธิพลจากการเลี้ยงดู
ค.อิทธิพลจากกลุ่มต่างๆกลุ่มในโรงเรียน ง. อิทธิพลจากประสบการณ์ตรง
ตอบ ค. อิทธิพลจากกลุ่มต่างๆกลุ่มในโรงเรียน

12.
ข้อใดกล่าวถูกต้องมากที่สุด?

ก. เจตคติของบุคคลเปลี่ยนแปลงได้เพียงครั้งเดียว
ข. เจตคติอาจเปลี่ยนแปลงได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะเปลี่ยนได้ในเวลาอันรวดเร็ว
ค. เจตคติ เกิดขึ้นจากความต้องการขั้นพื้นฐาน
ง. เจตคติ เกิดขึ้นจากประสบการณ์เป็นอันดับแรก
ตอบ ข. เจตคติอาจเปลี่ยนแปลงได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะเปลี่ยนได้ในเวลาอันรวดเร็ว

13.
เราสามารถรู้พฤติกรรมที่บุคคลนั้นแสดงออกมาได้อย่างไร
ก. การสัมผัส ข. การซักถาม
ค. การสังเกต ง. การทดสอบ
ตอบ ค. การสังเกต

14.
เด็กเกิดเจตคติจากสื่อมวลชนข้อใดมากที่สุด?
ก. วิทยุ ข. หนังสือพิมพ์
ค. โทรทัศน์ ง. นิตยสาร
ตอบ ค. โทรทัศน์

15.
การวัดเจตคติที่นิยมกัน ได้แก่ การวัดของใคร?
ก. Maslow ข. Likert ค. Pavlova
ง. Skinner
ตอบ ข. Likert

16.
การวัดเจตคติโดยใช้ข้อความที่เกี่ยวกับเรื่องใดเรื่องหนึ่ง สอบถามความคิดเห็นของบุคคลที่มีต่อเรื่องนั้น
เป็นแนวคิดของใคร?
ก. Freud ข. Maslow ค. Likert
ง. Skinner
ตอบ ค. Likert

17.
วิธีวัดเจตคติสามารถวัดได้จากพฤติกรรมใด?
ก. ทางตรงอย่างเดียว ข. ทางอ้อมอย่างเดียว
ค. ทางตรงและทางอ้อม ง. ทางบวกและทางลบ
ตอบ ค. ทางตรงและทางอ้อม

18.
วิธีการวัดเจตคติที่นิยมกันมาก คือข้อใด?
ก. การสำรวจ ข. การใช้มาตราส่วนประเมินค่า
ค. การวัดแบบไม่วุ่นวาย ง. การใช้ Projective Technique
ตอบ ก. การสำรวจ

19.
ข้อใดเป็นวิธีการวัดแบบสำรวจ?
ก. การหยั่งเสียงก่อนการเลือกตั้ง
ข. การใช้แบบทดสอบถามที่มีหัวข้อให้เลือก
ค. วิธีการทำจดหมาย โดยการจ่าหน้าซองถึงคนที่ต้องการจะวัด
ง. การวัดโดยการสร้างภาพเพ้อฝัน
ตอบ ก. การหยั่งเสียงก่อนการเลือกตั้ง

20.
การใช้Projictive tenicques เป็นการวัดแบบเจตคติของใคร?
ก. ทางตรง ข. ทางอ้อม ค. การสร้างภาพเพ้อฝัน
ง. การสำรวจ
ตอบ ข. ทางอ้อม

No comments:

Post a Comment

ได้ข้อมูลแล้ว ก็ช่วยกันคอมเม้นด้วยนะค่ะ